【แปล】 บทสัมภาษณ์ชางมิน GQ Korea 05/2020

Sweet but Cool
เชวกังชางมินงดงาม แต่เยือกเย็น
สัญจรไปมาระหว่างโลกแสนหวาน กับ ความจริงแสนสงบ พร้อมๆ กับเปล่งประกายชั่วนิรันดร์


―เมื่อกี้คุณอัพโหลดรูปหมาคู่ซี้ไปใช่มั๊ยคะ? มันกลายเป็นข่าวระหว่างถ่ายนิตยสารไปแล้วล่ะค่ะ
🍑 จริงหรอครับ? ฮ่าๆ เขาชื่อ 버찌 (พอจจี้ Buzzi)🐶🍒น่ะครับ เพิ่งเอามาไว้บ้านได้ไม่นานก็จริง แต่เขามีความหมายกับผมมากเลย ที่ผ่านมาแฟนๆ และสต๊าฟคอยเกื้อหนุนผมมาโดยตลอด แต่ต่อจากนี้มันถึงวัยที่ผมต้องรับผิดชอบใครสักคนแล้ว เพื่อนบางคนก็มีครอบครัวแล้ว ผมเลยคิดว่า ถึงผมจะเป็นแบบนั้นบ้างก็คงไม่แปลกอะไร หลังจากที่ได้เริ่มดูแลพอจจี้ ผมรู้สึกรับผิดชอบและมีความกดดันมากขึ้น มันเป็นแรงกระตุ้นที่ทำให้ผมอยากพยายามมากขึ้นน่ะครับ อ้ะ ผมพูดยาวตั้งแต่ต้นเลย

―วันนี้มีข่าวอื่นๆ เกี่ยวกับเชวกังชางมินด้วย ได้ยินว่าเพลงไตเติ้ลโซโล่อัลบั้มชื่อ ‘Chocolate’ หรือคะ?
🍑 ครับ จะวางขายในอีก 2 อาทิตย์ล่ะครับ อัลบั้มก็ชื่อ ‘Chocolate’ ด้วยเหมือนกัน มันเป็นโซโล่อัลบั้มชิ้นแรกครับ ผมเลยใส่ความหมายว่า ของขวัญเพื่อให้ชื่อไตเติ้ลได้เซ้นส์ทางภาษาที่ต่างออกไป มันเป็นของขวัญที่ผมทำขึ้นเพื่อแฟนๆครับ อาจจะเป็นคำพูดที่พูดกันเป็นแพทเทิร์นนะ แต่(ผมทำด้วย) ใจจริงครับ เพราะมีแฟนๆ ผมจึงทำกิจกรรมในฐานะทงบังชินกิมาได้ถึง 17 ปี และออกโซโล่อัลบั้มนี้ได้ (พวกเขา)เป็นพลังขับเคลื่อนทำให้ผมทำอาชีพนักร้องต่อไปได้ครับ

―มาถึงเรื่องนานกว่า 10 ปีกันบ้าง ในบทสัมภาษณ์ GQ ที่ผ่านมา คุณเคยตอบคำถามเรื่องกิจกรรมโซโล่ว่า “ผมคิดว่าน่าจะต้องรออายุมากขึ้นกว่านี้” ยังจำได้ไหม? คุณเห็นว่าตอนนี้คือช่วง(ที่เหมาะสม)นั้นแล้วหรือคะ?
🍑 ยิ่งไปกว่า(ความคิดเรื่องจังหวะที่เหมาะสม) คือ เมื่อไม่นานมานี้ความรู้สึกขอบคุณและความสำคัญที่ผมมีต่อแฟนๆ มันมากขึ้นน่ะครับ เวลาสัมภาษณ์ผมมักจะเจอคำถามว่ามีอะไรเป็นเป้าหมายต่อไปอยู่บ่อยๆ ถ้าเป็นเมื่อก่อนก็จะตอบว่าสเตจที่ใหญ่ขึ้น แต่จะตอบแบบนั้นตลอดไปก็คงไม่ได้ และผมก็ไม่อยากทำแบบนั้นด้วย แต่ผมเองก็ไม่รู้ว่าควรตอบยังไงดี ผมไม่คิดว่าตัวเองเพอร์เฟคหรือยอดเยี่ยม รู้สึกว่าบางทีก็หลงอยู่ในทางที่มองเห็นไม่ชัดซะด้วยซ้ำ แต่แฟนๆ ก็ช่วยเชียร์ผมคนนี้และให้การยอมรับว่าเยี่ยมยอดน่ะครับ

―นั่นเป็นเพราะอะไรหรือคะ
🍑 ตอนแรก(แฟนๆ)อาจจะชอบการร้อง, การเต้น, รูปลักษณ์ภายนอกของผม แต่มันก็ผ่านมานานพอสมควรแล้วนะ ผมคิดว่าตอนนี้แฟนๆน่าจะชอบตัวผมที่ผมเป็นผมครับ (พวกเขา)รับได้ทั้งหมดไม่ว่าจะเป็นอายุที่เพิ่มขึ้นและสิ่งที่เปลี่ยนไป พอคิดแบบนั้นแล้วผมก็รู้สึกขอบคุณมากขึ้นไปอีก ดังนั้นผมจึงคิดว่า ตอนนี้เป็นจังหวะที่ดีที่จะมอบโซโล่อัลบั้มเป็นของขวัญแล้วครับ

―ความปรารถนาด้านดนตรี? แน่นอนว่าคุณคงรวมเอาสไตล์ที่เป็นเอกลักษณ์ทงบังชินกิกับสไตล์ของตัวเองไว้ แต่ก็คิดว่าน่าจะเตรียมหาก้าวต่อไป หรือทำอะไรใหม่ๆ ด้วย เป็นยังไงบ้างคะ?
🍑 ถ้าลองมองสถานการณ์ตอนนี้อย่างสุขุมแล้ว มันไม่มีแรงกระตุ้นหรือแรงจูงใจเยอะๆ ซึ่งคิดว่าเทียบกับเมื่อก่อนก็ไม่ต่างกัน อาจจะเป็นเพราะตอนนี้เป็นจุดสูงสุด (maximum value) ของผมแล้วหรือเปล่าก็ไม่รู้ ถ้าพูดอีกอย่างก็อาจเรียกได้ว่าได้สั่งสมความเก๋า แต่ก็มีเรื่องให้กลุ้มว่าเป็นสิ่งซ้ำซากจำเจ เพราะผมเคยชินกับสเตจ, เพลง, เสียงที่เคยทำมาน่ะ แน่นอนว่าผมก็พยายามกับมันเพื่อจะสร้างสิ่งที่ยอดเยี่ยมที่สุดอยู่แล้ว แต่พอลองคิดว่าจะสามารถโชว์อะไรใหม่ๆ ออกไปได้ไหม ก็รู้เลยว่าไม่ใช่เรื่องง่าย

―พอเผชิญกับสถานการณ์แบบนั้นแล้วไม่รู้สึกเจ็บใจบ้างหรือคะ?
🍑 ก็นิดหน่อยครับ พูดตรงๆ ผมไม่อยากใช้คำว่า จุดสูงสุด (maximum value) หรอก เพราะการยอมรับลิมิตความสามารถที่ผมมี และทำให้มันชัดเจนเป็นสิ่งที่มีความหมาย มันน่าเสียดายก็จริง แต่ถ้ายอมรับเรื่องนี้อย่างสงบได้ เราก็จะสบายใจครับ ผมคิดว่านี่ยังไม่ใช่ตอนจบหรอก คิดว่าสักวันนึงก็คงมีจุดเปลี่ยนใหม่ๆ หรือการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้น ซึ่งพอได้ลองเผชิญกับประสบการณ์ต่างๆ แล้ว ผมก็เริ่มเข้าใจมันครับ ผมอยากเริ่มเผยสภาพตอนนี้อย่างตรงไปตรงมาให้(ทุกคน)เห็นผ่านอัลบั้มชิ้นนี้ครับ รู้สึกว่านี่คือสิ่งที่ผมสามารถทำได้มากที่สุดครับ

―ระหว่างที่ถาม ฉันก็คิดถึงเหตุผลที่คุณเลือกเพลงที่มีความเชื่อมต่อกับทงบังชินกิอย่าง 'Chocolate' เป็นเพลงไตเติ้ล ที่จริงตอนได้ยินข่าวเรื่องโซโล่อัลบั้มของเชวกังชางมิน ฉันนึกถึงอัลบั้มที่เต็มไปด้วยเพลงบัลลาดหวานๆ เพราะเพลงโซโล่ในอัลบั้มทงบังชินกิก็เป็นแบบนั้น และเสียงคุณยอดเยี่ยมด้วยค่ะ
🍑 ถึงจะเป็นกิจกรรมโซโล่ ผมก็ไม่รู้สึกว่าจำเป็นต้องทำอย่างอื่นเป็นพิเศษ เพราะทั้งผมในตอนนี้ และเชวกังชางมิน ทงบังชินกิก็คือคนๆ เดียวกัน เรื่องที่ชอบหรือเรื่องที่ทำได้ดีก็เหมือนๆ กันครับ ผมถือว่าอัลบั้มในครั้งนี้ได้เติมเต็มสิ่งที่ผมหวังไว้ทั้งหมดแล้ว เพราะฉะนั้นมันเลยมีบางส่วนที่ทำให้รู้สึกคล้ายกับสิ่งที่ผมได้ทำมาในฐานะทงบังชินกิ ยิ่งไปกว่านั้นเพอร์ฟอร์แมนซ์แบบตอนนี้น่ะไม่ใช่ว่าจะทำได้ไปตลอดไม่ใช่หรอครับ ผมเลยต้องพยายามทำตอนที่ยังทำได้อยู่น่ะ

―คุณชัดเจนกับทั้งเรื่องตอนนี้ และความรู้สึกตามความเป็นจริงเลยนะคะ มีคนพูดอยู่บ่อยๆ ว่า “ควรจะมองตัวเองอย่างเป็นกลาง” ใช่ไหมคะ? คุณคิดว่ายุครุ่งเรืองของเชวกังชางมินคือเมื่อไรหรือคะ
🍑 ผมฟังเพลงเก่าๆ แล้วหวนคิดว่า “เพลงนี้ดีจริงๆเลยนะ” บ้าง ลองนึกถึงความทรงจำตอนนั้นดูบ้าง การมีเพลงที่ผู้คนไม่ลืมเลือนไปจากใจก็คงเพียงพอแล้วสำหรับการบอกว่าได้มียุครุ่งเรืองแล้วไม่ใช่หรอ ถ้าใช่ ผมคงมียุครุ่งเรืองที่น่าหลงใหลแล้วล่ะครับ บางทีมันอาจจะเป็นตอนนี้ที่กำลังดำเนินไปอยู่ก็เป็นได้ สิ่งที่จะพูดมันน่าอายนะ แต่ผมกำลังใช้ชีวิตอย่างสนุก โดยคิดว่ายุครุ่งเรืองคือตอนนี้ล่ะครับ

―เมื่อเดือนที่แล้ว ยุนโฮได้ให้สัมภาษณ์กับ GQ เขากล่าวว่า “หากสามารถส่งอิทธิพลให้ผู้คนก้าวไปข้างหน้าได้ ทุกวันนี้ก็ยังถือว่าเป็นไอดอลอยู่ ถึงจะอายุเลย 60 ไปแล้วก็ยังอยากให้คนเรียกว่าไอดอล” คุณเห็นด้วยกับคำพูดนี้ไหมคะ?
🍑 แต่ก่อนผมไม่เข้าใจแนวคิดพวกนั้นเลย เพิ่งเริ่มเข้าใจตอนได้ชมโชว์ของอาจารย์โจ ยงพิลนี่แหละครับ กระทั่งตอนนี้ผมรู้สึกว่า(ตัวเอง)ยังจำภาพที่ผู้ชมวัยเดียวกับพ่อแม่ซาบซึ้งไปกับการหวนคิดถึงบ้านเกิดในอดีต ร้องประสานเสียงและมีความสุขด้วยกันได้อยู่เลยครับ ผมรู้สึกอิจฉามากที่(พวกเขา)แชร์อะไรบางอย่างร่วมกับคนอื่น และแบ่งปันความสนุกนั้นร่วมกันได้เป็นเวลานาน สุดท้ายนี้พูดถึงเรื่องความสำคัญแฟนๆ แล้ว ผมคล้ายกับยุนโฮฮยองในเรื่องนี้มากเลยครับ พวกเราเชื่อว่า ไม่ว่าผู้ชมจะเยอะหรือน้อย เราก็ต้องพยายามบนเวทีอย่างเต็มที่เพื่อไม่ให้หักหลังความคาดหวังของผู้คนที่เชื่อมั่นในตัวเรา ทั้งฮยองและผมก็มีด้านที่จริงจังมากครับ

―ฉันรู้สึกว่า ทั้งท่าทีและความสามารถของทงบังชินกิเข้าขั้นอะไรซักอย่างเลย ช่วงนี้อะไรทำให้คุณคิดจะเพิ่มความสามารถ หรือพัฒนา(ตัวเอง)ยิ่งขึ้นไปหรือคะ
🍑 สมัยเด็กๆ ผมถูกควบคุม และจะปั่นป่วนจากการประเมินกับคำพูดคนอื่นทันทีเลยครับ พอแคร์สายตาหรือดูสีหน้าคนอื่นแล้ว ก็รู้สึกว่า(ตัวเอง)ตัวเล็กลงเลย เมื่อมาลองคิดดูแล้ว ผมรู้สึกว่า(ตอนนั้น)ตัวเองถูกผูกรัดจากไม้บรรทัดที่เข้มงวดอยู่ ไม่ว่าจะได้ยินคำชมดีๆ สักเท่าไรก็ไม่ดีใจเลย ได้แต่คิดกังวลว่าต้องพยายามให้มากขึ้น จริงๆ ผมควรต้องพยายามพอใจกับสิ่งที่เป็นอยู่ แต่(ตัวเอง)กลับแข่งขันและปะทะกับมันแบบไร้การผ่อนปรนมาโดยตลอด ช่วงนี้ผมรู้สึกค่อนข้างอิสระจากความกดดันพวกนั้นแล้ว ก็ได้เติบโตจากส่วนนั้นล่ะครับ

―แล้วเคยคิดว่า อยากได้รับการยอมรับจากยูโนว์ ยุนโฮบ้างไหมคะ?
🍑 เรา 2 คนต่างก็ไม่ข้องเกี่ยวหรือให้คำแนะนำเรื่องต่างๆ กันตรงๆ แต่จะเป็นพวกคอยมองดูเงียบๆ  พลางเชียร์อยู่ด้านหลังมากกว่าน่ะครับ แต่พอลองคิดไตร่ตรองคำถามนี้อย่างถี่ถ้วนแล้ว ช่วงนี้ผมก็เคยคิดว่าอยากให้(ฮยอง)ยอมรับด้วยล่ะครับ ยุนโฮฮยองมาให้กำลังใจผมที่กองถ่าย MV ฮยองไม่ได้พูดอะไรเป็นพิเศษ แต่ผมก็รู้สึกได้ภายในใจ และคิดว่า ‘ฮยองจะดูอย่างพอใจอยู่ไหมนะ?’ ในความสัมพันธ์ที่เราพึ่งพาใครสักคน ผมคิดว่า ความรู้สึกอยากได้รับการยอมรับจะปรากฏออกมาประมาณหนึ่งโดยไม่รู้ตัวเลยครับ

―พอลองมองย้อนเวลา 17 ปีจนถึงตอนนี้แล้ว เป็นยังไงบ้างคะ?
🍑 มันเหมือนความฝันที่หวานอมขมครับ ไม่ได้มีแค่ส่วนดีหรือส่วนแย่เพียงอย่างเดียว จิตใจคนเราน่ะแปรเปลี่ยนได้ง่ายมากจริงๆ นะครับ พอนึกถึงความทรงจำดีๆ ที่เคยเกิดขึ้นแล้วก็มีความสุขไม่หยุด ขณะที่พอนึกถึงความทรงจำแย่ๆ ก็รู้สึกทุกข์ ผมเป็นพวกไม่อาลัยอาวรณ์กับอดีตครับ ไม่ได้หมายความว่าผมไม่ชอบแนวการใช้ชีวิตแบบเมื่อก่อนนะ เพียงแต่ผมชอบตอนนี้มากน่ะ เพราะว่าจะยังไงแล้วผมก็มีชีวิตอยู่ในปัจจุบันครับ

―แต่มันก็มีสิ่งที่ให้รสหวานอย่างเดียวเหมือนช็อกโกแลตด้วยนะคะ
🍑 นี่ก็อาจจะฟังดูเชย แต่มันคือความรักครับ จริงๆ นะครับ ครอบครัวที่รัก, เพื่อนที่รัก, ผู้คนที่ให้ความรักผม ผมเฝ้าย้ำ(ตัวเอง)ทุกวันเพื่อให้เป็นคนไม่เคอะเขิน และเพื่อให้สามารถตอบแทนความคาดหวังพวกเขาได้ไม่มากก็น้อยครับ ในฐานะทงบังชินกิมีหลายอย่างที่ผมทำสำเร็จลุล่วงแล้วก็จริง แต่โดยส่วนตัวแล้ว ผมคิดว่าการเป็นลูกชาย หรือโอปป้าที่น่าภาคภูมิใจของใครสักคนก็เป็นผลสัมฤทธิ์ที่สุดยอดไปเลย คิดว่าช่วงนี้ยังไม่มีเรื่องไหนยิ่งใหญ่ไปกว่าเรื่องนี้เลยครับ ดูเหมือนผมจะโตเป็นผู้ใหญ่แล้วล่ะ

―เมื่อกี้คุณได้พูดในคลิปสัมภาษณ์ GQ ว่าเขียนไดอารี่มาตลอดเลยใช่ไหมคะ? วันนี้จะเขียนเรื่องอะไรคะ?
🍑 ที่นึกออกตอนนี้คือ พอจจี้ครับ🐶🍒 เขาจะตื่นแล้วตอน 7 โมง30 แล้วมาเลียหน้าผม น่าแปลกมากจริงๆ ถ้าเขียนไดอารี่ก็จะเป็นประมาณนี้ใช่มั๊ยล่ะครับ “ลืมตาตื่นนอนด้วยสัมผัสอุ่นจากพอจจี้ตอน 7 โมง 30 ซ้ำไปมาเหมือนอย่างทุกวัน รู้สึกแค่ว่าขอบคุณอุณหภูมิแห่งรักที่เจ้าหนูมอบให้เท่านั้นเลย ช่วงนี้ลืมตาตื่นนอนด้วยความสุข”

―ถ้าในอนาคตจะนำเรื่องราวของตัวเองมาเขียนเป็นหนังสือ จะเขียนประโยคแรกว่าอะไรดีคะ?
🍑 “ดีจังที่ได้เขียนไดอารี่” เราไม่อาจจำเรื่องราวที่ได้ใช้ชีวิต เผชิญกับประสบการณ์ และรู้สึกได้ทั้งหมด แต่ในไดอารี่เราเขียนทั้งเรื่องที่มีความสุข, ความรู้สึกหวานแหวว, ความรู้สึกโกรธหรือเสียใจได้ตามที่รู้สึกจริง ผมคิดว่า มันดีนะครับที่เราสามารถเก็บความทรงจำทั้งหมดเหล่านั้นไว้ได้

―แล้วมีความคิดจะเปิดเผยเนื้อหาไดอารี่ในหนังสือเล่มนั้นบ้างไหมคะ?
🍑 ผมจะไม่ทำแบบนั้นครับ ส่วนตัวแล้วผมคิดว่า ควรจะเก็บเรื่องที่เป็นความลับไว้คนเดียวครับ กับแฟนๆ เองผมก็ไม่ค่อยได้พูดเรื่องพวกนั้นสักเท่าไร  มีคำพูดเหมือนชื่อหนังว่า “ความลับที่พูดไม่ได้ (말할 수 없는비밀., secret, 2007)” ใช่มั๊ยล่ะครับ ผมคิดว่าถึงจะได้รู้ความจริงที่ไม่เคยรู้มาก่อน เราก็ไม่มีความสุขอยู่ดี ความลับน่ะงดงามเมื่อคงไว้เป็นความลับนะ โอ้ วันนี้ผมพูดไปเยอะเลยนะครับเนี่ย

==============================================================
Cr. KR→JP: tvxqdrip // JP→TH: berurin32 (** รีไรท์จากที่เคยลงในทวิตเตอร์ไปนะคะ)

Comments

Popular posts from this blog

【แปลเพลง+Behind the story】 TOHOSHINKI / Asu wa kuru kara

【How to】 เตรียมตัวสอบ MEXT ✍ :: ตอนที่ 1

【How to】 เตรียมตัวสอบ MEXT ✍ :: ตอนที่ 3