【How to】 เตรียมตัวสอบ MEXT ✍ :: ตอนที่ 1
สวัสดีค่ะ
บล็อกวันนี้ขอเปลี่ยนบรรยากาศเป็นแนวการศึกษากันบ้างนะคะ
② การสอบข้อเขียน
วันนี้อยากจะนำวิธีการเตรียมตัวสอบทุนรัฐบาลญี่ปุ่นมาแบ่งปันกันค่ะ
เนื้อหาต่อจากนี้ส่วนหนึ่งก็เป็นสิ่งที่เราได้รับคำแนะนำจากเพื่อนๆที่สอบแล้วบ้าง
และบางอย่างก็เป็นสิ่งที่เราลองทำตอนก่อนสอบแล้วเห็นผลเองค่ะ
ดังนั้นขอยกเครดิตส่วนหนึ่งให้เพื่อนๆที่ใจดีกับเรามา ณ ที่นี้ด้วย :-)
ก่อนอื่นเลยขอเกริ่นก่อนว่า
เราเรียนจบสายภาษาญี่ปุ่นมา หลังจากนั้นก็มีประสบการณ์ทำงานราวๆ 4 ปีค่ะ
หลังจากที่เรียนจบปริญญาตรี
เราสอบทุนรัฐบาลญี่ปุ่น หรือ MEXT ประเภทนักศึกษาวิจัยมาทั้งหมด 3
รอบ
- ครั้งแรกสอบตอนเข้าทำงานปีแรกเลย
แต่คิดว่าน่าจะเป็นเพราะหัวข้อวิจัยน่าจะยังไม่ดีพอ และขาดการเตรียมตัวอย่างมาก
ก็เลยพลาดไปตั้งแต่รอบข้อเขียน เราทำงานไป 3 ปี ระหว่างนั้นก็ค้นหาตัวเองไปด้วยว่าตัวเองมีความสุขกับการทำอะไร ถนัดที่ทำอะไร
ต้องปรับปรุงตัวเองจุดไหนบ้าง
- ปี 2018 เราลองสอบ MEXT อีกรอบ คราวนี้เขียน Study Plan เกี่ยวกับภาษาที่พบเห็นมาจากการทำงาน
แต่ก็ยังตกสัมภาษณ์อยู่นี้ เลยกลับมานั่งคิด
และตั้งใจว่าจะเตรียมตัวให้ดีเพื่อมาสอบในปีถัดไป รอบปี 2019 เลยได้ลองเขียน Study Plan ใหม่ โดยลองจับเรื่องภาษาที่ตัวเองได้ร่ำเรียนมา
มาเชื่อมกับปัญหาสังคมที่ตัวเองสนใจ และใฝ่ฝันจะทำงานสายนี้ในอนาคตค่ะ
ต่อจากนี้จะค่อยๆกล่าวถึง
และแนะนำหัวข้อต่อไปนี้ตามลำดับนะคะ
และเพื่อไม่ให้โพสต์นี้ยาวจนเกินไป เราขออนุญาตแบ่งเป็น 3 ตอนนะคะ
และเพื่อไม่ให้โพสต์นี้ยาวจนเกินไป เราขออนุญาตแบ่งเป็น 3 ตอนนะคะ
(ใครไม่สะดวกอ่านหัวข้อไหน
สามารถข้ามไปอ่านหัวข้อถัดไป หรือไปอ่านตอนอื่นๆได้ตามสะดวกเลยค่ะ :D )
① เกี่ยวกับทุนรัฐบาลญี่ปุ่น (MEXT)
② การสอบข้อเขียน
-----------------------------------------------
① เกี่ยวกับทุนรัฐบาลญี่ปุ่น (MEXT)
ทุนรัฐบาลญี่ปุ่น หรือ Monbukagakusho 文部科学省 (MEXT) เป็นทุนที่กระทรวงศึกษาธิการญี่ปุ่น/รัฐบาลญี่ปุ่นดูแล
และได้จัดสอบขึ้นโดยสถานเอกอัครราชทูตญี่ปุ่นประจำประเทศนั้นๆค่ะ
ปีนึงก็จะจัดขึ้นครั้งนึง โดยจะมีทุนหลากหลายประเภทเลย
ไม่ว่าจะเป็นทุนนักศึกษาปริญญาตรี ทุนนักวิจัย ทุนญี่ปุ่นศึกษา ทุนฝึกอบรมวิชาชีพครู
ทุนนักศึกษาวิทยาลัยเทคนิค ทุนนักศึกษาฝึกอบรมวิชาชีพ และทุนนักศึกษาประเภท Young Leaders’
Program (YLP)
ซึ่งจะให้ข้าราชการที่มีบทบาทเป็นผู้นำในการพัฒนาประเทศไปเรียนต่อป.โทค่ะ
※
รายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับประเภททุน
และเงื่อนไขการสมัครสามารถเข้าไปศึกษาได้จากเว็บสถานทูตฯ ตามลิ้งค์นี้เลยค่ะ → ข้อมูลทุนรัฐบาลญี่ปุ่น (Monbukagakusho:MEXT)
ในที่นี้เราจะขอพูดถึงทุนรัฐบาลญี่ปุ่น ประเภททุนนักวิจัยเป็นหลักนะคะ
ทุนนักวิจัยจะคัดเลือกคนที่มีอายุไม่เกิน 35 ปีที่สำเร็จการศึกษาในระดับมหาวิทยาลัยแล้ว
หรือกำลังจะจบการศึกษาไปศึกษาต่อในระดับนักวิจัยที่ประเทศญี่ปุ่นเป็นเวลา 2 ปีหรือ 1 ปีครึ่ง
และสามารถขยายเวลาได้ตามหลักสูตรหากได้เข้าศึกษาต่อในระดับ ป.โท หรือ ป.เอก
ทุนนักวิจัยสามารถแบ่งประเภทคร่าวๆได้เป็น 3 ประเภทใหญ่ๆค่ะ คือ R1A (กลุ่มสายศิลป์ เช่น ภาษา นิติ นิเทศ ดนตรี ฯลฯ) , R1B (กลุ่มศิลป์คำนวณ เช่น
บริหาร เศรษฐศาสตร์), R2 (กลุ่มสายวิทย์ เช่น วิศวะ สถาปัตย์ เกษตร หมอ ฯลฯ)
Flow คร่าวๆ:
ต้นเดือนพฤษภาคม : สถานทูตฯจะเริ่มประกาศทุนประเภทนี้
⇩
ต้นเดือนมิถุนายน : เดตไลน์ส่งเอกสาร
⇩
กลางค่อนไปทางปลายเดือนมิถุนายน : สอบข้อเขียน
⇩
กลางเดือนกรกฎาคม : สอบสัมภาษณ์
ใครที่สนใจทุนนี้แนะนำว่าให้ติดตามไว้ดีๆ ตั้งแต่ช่วงปลายเดือนเมษายนเลย
(แต่ถ้าสามารถคิดหัวข้อวิจัยได้ก่อนหน้านี้ได้จะดีมากเลย) หลังจากที่ทุนประกาศรับสมัคร
เราจะมีเวลาในการเตรียมเอกสารราวๆ หนึ่งเดือน เอกสารในขั้นแรกประกอบไปด้วย
- Admission Form (ไว้ใช้เป็นบัตรเข้าห้องสอบ)
- Application Form (ส่วนใหญ่ก็ถามเรื่องประวัติส่วนตัวทั่วไป)
- Placement
Research (แบบฟอร์มเกี่ยวกับว่าเราจะไปศึกษาสาขาไหน
และอยากเลือกไปมหาวิทยาลัยอะไร อาจารย์ที่ปรึกษาท่านไหน)
- Field Study
Research
→ เขียนเกี่ยวกับเรื่องที่เราเคยเรียน และหัวข้อที่อยากไปทำวิจัยที่ญี่ปุ่น **อันนี้ถือว่าเป็นเอกสารที่สำคัญที่สุด**เลยก็ว่าได้ค่ะ
→ สิ่งสำคัญคือ เราต้องแสดงให้เห็นถึงความสนใจ และความสำคัญของหัวข้อวิจัย รวมทั้งประโยชน์ที่จะได้รับจากงานวิจัยชิ้นนี้
(คือถึงแม้ทุนนี้จะเป็นทุนให้เปล่า ไม่มีเงื่อนไขผูกมัด แต่ในฐานะที่เราได้รับเงินได้ศึกษาเล่าเรียน สิ่งที่จะไปศึกษาจึงควรเป็นสิ่งที่สามารถให้ประโยชน์แก่สังคมวงกว้าง โดยเฉพาะญี่ปุ่น และไทยได้ค่ะ) และในการเขียน Study Plan หากเราได้ศึกษาภูมิหลังเรื่องนี้มาบ้าง พร้อมทั้งสามารถเขียนอ้างอิงข้อมูลจากเอกสารวิชาการอื่นๆบ้าง แต่ก็ช่วยให้ Study Plan ดูน่าเชื่อถือ และทำให้เห็นว่าเราสนใจในเรื่องนี้จริงๆค่ะ
→ เขียนเกี่ยวกับเรื่องที่เราเคยเรียน และหัวข้อที่อยากไปทำวิจัยที่ญี่ปุ่น **อันนี้ถือว่าเป็นเอกสารที่สำคัญที่สุด**เลยก็ว่าได้ค่ะ
→ สิ่งสำคัญคือ เราต้องแสดงให้เห็นถึงความสนใจ และความสำคัญของหัวข้อวิจัย รวมทั้งประโยชน์ที่จะได้รับจากงานวิจัยชิ้นนี้
(คือถึงแม้ทุนนี้จะเป็นทุนให้เปล่า ไม่มีเงื่อนไขผูกมัด แต่ในฐานะที่เราได้รับเงินได้ศึกษาเล่าเรียน สิ่งที่จะไปศึกษาจึงควรเป็นสิ่งที่สามารถให้ประโยชน์แก่สังคมวงกว้าง โดยเฉพาะญี่ปุ่น และไทยได้ค่ะ) และในการเขียน Study Plan หากเราได้ศึกษาภูมิหลังเรื่องนี้มาบ้าง พร้อมทั้งสามารถเขียนอ้างอิงข้อมูลจากเอกสารวิชาการอื่นๆบ้าง แต่ก็ช่วยให้ Study Plan ดูน่าเชื่อถือ และทำให้เห็นว่าเราสนใจในเรื่องนี้จริงๆค่ะ
-----------------------------------------------
ข้อสอบข้อเขียนแต่ละกลุ่ม
(R1A, R1B, R2) จะแตกต่างกันไปตามสายวิชาค่ะ
R1A : สอบภาษาอังกฤษ
และหากจะเรียนสาขาภาษาและวัฒนธรรมญี่ปุ่นก็ต้องสอบภาษาญี่ปุ่นด้วยค่ะ
R1B : สอบภาษาอังกฤษ คณิตศาสตร์ (A)
R2 : สอบภาษาอังกฤษ คณิตศาสตร์ (B) และวิทยาศาสตร์
(เลือกเคมี/ฟิสิกส์/ชีววิทยา)
สาขาอื่นๆ นอกจากเรียนสาขาภาษาและวัฒนธรรมญี่ปุ่นสามารถเลือกสอบภาษาญี่ปุ่นเพิ่มได้ด้วย
เวลาส่งใบสมัครสามารถส่งได้ทั้งที่สถานเอกอัครราชทูตที่กรุงเทพฯ
และสถานกงสุลที่เชียงใหม่ ส่วนสถานสอบมีหลายที่เลย
สามารถเลือกได้ว่าจะสอบที่กรุงเทพฯ เชียงใหม่ ขอนแก่น หรือสงขลาค่ะ
ในที่นี้จะขอแนะนำข้อสอบภาษาอังกฤษ และภาษาญี่ปุ่นที่เราเคยสอบสักนิดนึงค่ะ
a) ภาษาอังกฤษ
อ้างอิงจากข้อสอบปีที่ผ่านมาคือ
ให้เวลา 60 นาที
เป็นข้อความแบบเลือกตอบทั้งหมด 50 ข้อ ข้อละ 2 คะแนน
แบ่งเป็นพาร์ทต่างๆ ดังนี้ค่ะ
I คำศัพท์ 10
ข้อ
-
เลือกคำศัพท์เติมในประโยค
-
ตรงนี้จะวัดคลังศัพท์ เพราะฉะนั้นยิ่งรู้ศัพท์เยอะก็ยิ่งได้เปรียบค่ะ
-
กรณีที่ไม่มั่นใจในภาษาอังกฤษ เราว่าทำข้อสอบย้อนหลัง
แล้วว่าตรวจดูเฉลยว่าผิดข้อไหน และรวบรวมศัพท์ที่ไม่รู้ช่วยได้เยอะมากๆเลย เพราะจากประสบการณ์ที่ฝึกทำข้อสอบเก่า
รู้สึกว่ามีคำศัพท์หลายคำเลยที่ออกซ้ำกันหลายปี และอย่างเรา พอทำผิดซ้ำคำถามเดิมหลายๆครั้ง
ก็จะได้ค้นหาจุดผิด ได้ทบทวน และจำไปในตัวค่ะ
II คำศัพท์, วลี 10
ข้อ
-
เลือกเติมคำศัพท์, วลีในประโยคคล้ายพาร์ท I แต่คำในช้อยส์จะดูคล้ายกันมากกว่าข้อสอบพาร์ท I
-
ตรงนี้จะเน้นการวัดความเข้าใจในการใช้ศัพท์
-
ถ้าใครไม่ชัวร์วิธีใช้ if clause แบบต่างๆ อย่าลืมทวนไปนะคะ รอบล่าสุดก็ออกข้อนึงค่ะ
III Error 10 ข้อ
-
หาจุดผิดในบทความสั้นๆ แต่แต่ละช้อยส์ที่ข้อสอบขีดเส้นใต้มาให้จะยาวมากๆๆๆ
(แบบเส้นใต้ a, b, c, d ก็เกือบจะเป็นเส้นใต้ของทั้งบทความแล้ว
555
อันนี้เป็นพาร์ทที่เพื่อนและเราลงความเห็นว่ายากและสับสนค่ะ)
-
ดูดีๆตรง S+V (เช่น กรณี Present Simple
Tense ถ้า S เป็นรูปเอกพจน์ V ได้เติม s ถูกต้องดีไหม) หรือ Preposition ที่มากับ Phase ว่าใช้ถูกหรือเปล่า
(เช่น Turn on, Turn off)
IV เติมคำที่เหมาะสมในเนื้อเรื่อง 10
ข้อ
-
จะมีเนื้อเรื่องยาวๆมาให้อ่าน 1 เรื่อง แล้วเว้นช่องว่างให้เติมประโยคให้สมบูรณ์ค่ะ
-
คำศัพท์ในช้อยส์ส่วนใหญ่เป็นคำที่น่าจะรู้จักกัน แต่ต้องระวังวิธีใช้
-
อ่านบริบทเนื้อเรื่องดีๆนะคะ
V Reading 10 ข้อ
-
มีบทอ่านขนาดอ่านให้อ่าน 2 เรื่อง + ถามคำถามเรื่องละ 5 ข้อ
-
ภาษาในบทความไม่ได้ยากจนถึงขั้นเข้าใจไม่ได้ และไม่ค่อยถามว่าอันนี้ refer ถึงอะไรแบบข้อสอบ CU-TEP แต่ส่วนใหญ่จะถามเนื้อหา
เพราะฉะนั้นต้องเข้าใจเนื้อหาดีๆเลย (จะลองคิดว่า ใคร ทำอะไร ที่ไหน อย่างไร เมื่อไรไปด้วยก็ได้ค่ะ)
อีกอย่างนึงที่อยากฝากไว้กับข้อสอบภาษาอังกฤษคือ ควบคุมเวลาตัวเองดีๆนะคะ
(เพราะ50 ข้อ 60 นาทีก็เท่ากับว่ามีเวลาคิดแค่ข้อละนาทีนิดๆเอง)
เพราะฉะนั้นใครที่รู้ตัวว่าตัวเองทำช้า หรืออ่อน Reading ควรจำกัดเวลาที่จะทำพาร์ทอื่นๆ หรือหากมีข้อที่ไม่แน่ใจก็อาจจะเสี่ยงตอบไปตอนนั้นเลย
(เพราะอย่างตอนที่เราทำ
มันไม่มีเวลามากพอให้ทวนหรือคิดข้อที่ไม่แน่ใจขนาดนั้นน่ะค่ะ)
b) ภาษาญี่ปุ่น 120 นาที
มีทั้งหมด 3 พาร์ท a, b, c ไล่ระดับความยากจากง่าย → ยาก แต่ละพาร์ทมีข้อสอบ 5 แบบ ซึ่งคะแนนแต่ละแบบไม่เท่ากันค่ะ
I เติมคำศัพท์, คำช่วย 10 ข้อ (ข้อละ 2 คะแนน)
-
เติมคำศัพท์ที่มีความหมายน่าจะเข้ากับบริบท
-
อาจจะมีพวก Adverb หรือ オノマトペ ด้วย
II คำศัพท์ที่มีความหมายเหมือน 10 ข้อ (ข้อละ 2 คะแนน)
-
เลือกคำศัพท์ที่มีความหมายใกล้เคียงกับคำที่ขีดเส้นใต้
-
พาร์ท c อาจมีไวยากรณ์ระดับกลางถึงสูงด้วย
III บทสนทนา 5
ข้อ (ข้อละ 3 คะแนน)
-
เลือกบทสนทนาที่คาดว่าคู่สนทนาจะตอบ
-
ส่วนใหญ่เป็นบทสนทนาในชีวิตประจำวัน เช่น ตอนชวน, ตอนปฏิเสธ, ตอนขอยืม,
ตอนโทรศัพท์ ฯลฯ
IV คันจิ 15
ข้อ (ข้อละ 1 คะแนน)
-
ถ้าเป็นข้อสอบรุ่นเก่า (จนถึงรุ่นที่สอบปี 2018) จะมี 8 ข้อที่ให้เขียนคำอ่านตัวคันจิ และมี 7 ข้อที่ให้เขียนตัวคันจิ ตรงนี้มีตั้งแต่คันจิในชีวิตประจำวัน
แต่อาจจะลืมเพราะไม่ได้เขียนบ่อยๆ อย่างเช่นพวกทิศทาง ฤดูกาล เช่น 秋、晩และตรงพาร์ท c อาจจะยากขึ้นมาหน่อย เพราะมักเป็นคำศัพท์เห็นตามข่าวเกี่ยวกับสังคม เช่น 盗難
-
ข้อสอบปี 2019 มีการปรับนิดหน่อย
โดยของปีนี้เขาไม่ให้เขียนแล้วค่ะ (เย้!) แต่จะเป็นช้อยส์ค่ะ
เขาจะถามว่าช้อยส์ข้อใดอ่านเหมือนตัวคันจิเหมือนกับโจทย์ที่ให้มา
เช่น สมมติโจทย์บอกว่า 私はよく姉に相談します。(相談=そうだん)
ก็อาจมีช้อยส์ a) 彼女は相変わらずきれいです。
b) 今年の夏は相当暑いです。
c) 話し相手がいないので寂しいです。
d) コミュニケーションをとるのには相槌が必要です。
คำตอบที่ถูกต้องคือ ข้อ b (ซึ่งอ่านว่า そうとう) เพราะตัว 相 ในข้อ b อ่านว่าそうเหมือนโจทย์ แต่ช้อยส์อื่นๆ อ่านว่า あい หมด
(a) 相変わらず‐あいかわらず、c) 相手‐あいて、d) 相槌‐あいづち)
- ข้อสอบปี
- ข้อสอบปี
V Reading 5
ข้อ (ข้อละ 6 คะแนน)
- ความยาวของบทอ่านจะมากขึ้นเรื่อยๆตามความยาก
- พาร์ท a เป็นบทความสั้นๆ 5 ข้อ: อ่าน 1 เรื่อง แล้วตอบคำถาม 1 ข้อ
พาร์ท b, c บทอ่าน 1 เรื่อง แล้วต่อคำถาม 5 ข้อ
-
ส่วนใหญ่จะถามความหมายสิ่งที่ขีดเส้นใต้ บางทีก็ให้เติมคำ หรือถามกาข้อถูกผิด
-
ตรงนี้คะแนนเยอะสุดเลย ให้เวลาเยอะๆกับเขาเยอะๆ มีสมาธิ ค่อยๆอ่าน
ค่อยๆทวนนะคะ
สำหรับพาร์ทภาษาญี่ปุ่นเรารู้สึกว่ามีเวลาให้เหลือเฟือเลยค่ะ
ไม่ใช่เพราะเราเก่งนะคะ แต่เพราะเขามีเวลามาให้ตั้ง 2 ชม.แน่ะ! ตอนที่สอบครั้งล่าสุดมีเวลาพอขนาดที่ว่าจะกลับมาอ่านทวนได้อีกรอบเลย
ขอให้ทุกคนมีสติมากๆ (ถ้ากลัวป้ำๆเป๋อๆแบบเรา ลองดูด้วยอีกทีว่าช้อยส์ที่ตัวเองฝนไปตรงกับคำตอบที่เราอยากตอบไหมก็ดีค่ะ)
※ สำหรับข้อสอบข้อเขียน แนะนำให้ลองไปดาวน์โหลดข้อสอบเก่ามาทำข้อสอบย้อนหลังเยอะๆค่ะ
ข้อสอบเก่า→ Qualifying Examinations for Applicants for Japanese Government (MEXT) Scholarships - Examination Questions
-----------------------------------------------
Note ถึงตัวเองตอนก่อนสอบ:
· ภาษาอังกฤษ ระวังพาร์ท Error อย่าไปกลัวความยาวของเส้นใต้ที่เขาขีดมา!
· ให้เวลากับพาร์ท Reading อ่านจนกว่าตัวเองจะเข้าใจ!!
· ท่องศัพท์ภาษาอังกฤษ, ญี่ปุ่น
· ทวนไวยากรณ์ภาษาญี่ปุ่น N1, ฝึกเขียนคันจิ! (←แต่ตรงคันจินี่ วิธีเขียนอาจจะไม่ค่อยจำเป็นแล้ว จำตัวคันจิกับคำอ่านได้ก็พอค่ะ)
-----------------------------------------------
กดเพื่ออ่านตอนต่อไป ↓
การสอบสัมภาษณ์ (Part I: คำถามที่ควรเตรียม และ Tips ในการตอบคำถาม)
การสอบสัมภาษณ์ (Part II: มารยาทในห้องสอบ) และ สิ่งที่อยากฝากส่งท้าย
Comments
Post a Comment