【แปล】 บทความ Real Sound | 東方神起 × Manazashi (2020.01.25)
บทความโดยคุณ Yui Satou | แปล JP→TH: berurin32
มีการตีความเพลง Manazashi ด้วยค่ะ
==============================================================
ความสามารถของ 2 หนุ่มที่พัฒนาอย่างไม่หยุดยั้งแม้จะเข้าสู่ปีที่ 15
“ขอบคุณที่ช่วยปกป้องโทโฮชินกิมาด้วยกันตลอด 15 ปีนะครับ” (ชางมิน)
“ขอบคุณที่ช่วยสนับสนุนกันเรื่อยมาตลอด 15 ปีนะครับ” (ยุนโฮ)
เมื่อวันก่อนฉันเพิ่งไปคอนเสิร์ตโทโฮชินกิมา ไม่ใช่ไปเพราะหน้าที่การงาน แต่ไปโดยส่วนตัว เพราะเหตุผลหลักๆ 2 ข้อคือ หลังจากที่ได้เห็นพวกเขาในรายการพิเศษช่วงสิ้นปี ฉันก็รู้สึกอยากชมการแสดงสดที่เต็มไปด้วยพลังซะให้ได้เลย ส่วนอีกข้อคือฉันอยากดื่มด่ำกับบรรยากาศดีๆ ที่เกิดขึ้นจากลักษณะอันดีงามของพวกเขา
ยุนโฮกับชางมิน พอดูจากคำพูดและการกระทำของพวกเขาแล้ว ฉันก็รู้สึกได้ว่าพวกเขาเป็นคนที่มักทำสิ่งถูกต้องในฐานะมนุษย์คนนึงเสมอ พวกเขาขอบคุณคนที่คอยให้ความช่วยเหลืออย่างสุภาพ และตระหนักว่า ที่มายืนบนเวทีได้นั้นไม่ได้เกิดจากความสามารถของตนเองเพียงอย่างเดียว พวกเขาไม่ลืมว่าตัวเองได้รับแรงสนับสนุนจากผู้คนมากมายมาจนถึงทุกวันนี้ และตั้งใจจะตอบแทนสิ่งที่ได้รับมาเท่าที่สามารถทำได้
ขณะที่แฟนๆซึ่งมารวมตัวกันเพื่อพวกเขาก็ได้เรียนรู้จากพวกเขา และพยายามใช้ชีวิตด้วยความซื่อตรง*เช่นกัน แน่นอนว่ายิ่งมีคนมากเท่าไร ความคิดความอ่านก็ยิ่งต่างกันออกไปจนไม่อาจพูดได้ว่าทุกคนคิดเห็นเหมือนกัน อย่างไรก็ตามลักษณะทีมของ “โทโฮชินกิทีม” อันประกอบด้วยยุนโฮกับชางมิน, ทีมงานวงดนตรีกับแดนเซอร์, สต๊าฟผู้ผลิต รวมทั้งแฟนๆ ก็เต็มไปด้วยความรักความดีงามเสมอ
ฉันอยากสัมผัสบรรยากาศที่ดีงามแบบนั้นในช่วงรับปีใหม่ ก็เลยตัดสินใจไปชมการแสดง “TOHOSHINKI LIVE TOUR 2019~XV~” แรกในปี 2020 ซึ่งก็คือวันแรกของนาโกย่าโดม
สำหรับโทโฮชินกิแล้ว นี่เป็นการทัวร์คอนเสิร์ต 5 โดมใหญ่เป็นครั้งที่ 4 ซึ่งถือเป็นความสำเร็จครั้งแรกในประวัติศาสตร์ศิลปินต่างชาติเลยทีเดียว ในโอกาสยิ่งใหญ่อย่างการครบรอบ 15 ปีของการเดบิวต์ที่ญี่ปุ่น พวกเขาได้โชว์ทั้งเพลงแดนซ์ที่จริงจังเหมือนเคย รวมทั้งเพลงบัลลาดล้ำค่าซึ่งได้เพิ่มทีมเครื่องสีมาช่วยถ่ายทอดอารณ์ให้ลึกซึ้ง นี่จึงดูเหมือนเป็นสเตจบอกเล่าความเป็นไปได้ใหม่ๆจากเพลงใน“XV”อัลบั้มล่าสุด, ความก้าวหน้ามากขึ้นจากเพลงฮิตเอาใจตลาด, หัวใจอ่อนเยาว์จากเพลงเดบิวต์ญี่ปุ่นที่ชวนให้คิดถึง... ทีละเพลงๆ อย่างตั้งใจ
สิ่งที่ล่องลอยอยู่ในฮอลล์คอนเสิร์ตคือ “ความรู้สึกขอบคุณ”ที่สามารถก้าวเข้าสู่หัวเลี้ยวหัวต่อปีที่ 15 ได้ ตอน MC ช่วงแรกยุนโฮกับชางมินโค้งและพูดอะไรให้กันและกัน แฟนๆก็เต็มไปด้วยรู้สึก “ขอบคุณพวกเขา 2 คนที่ช่วยปกป้องโทโฮชินกิ” ขณะที่พวกเขาก็รู้สึก “ขอบคุณแฟนๆที่ช่วยสนับสนุนมาโดยตลอด” เช่นกัน
รู้สึกเหมือนว่าฉันได้เรียนรู้การใช้ชีวิตจากพวกเขา ในฐานะคนคนนึงอยู่เลยล่ะ นอกจากความพยายามที่จะพัฒนาตัวเองแล้ว พวกเขาก็ยังไม่ลืมให้ความสำคัญกับคนที่คอยสนับสนุนพวกเขาอีกด้วย โดย
บางครั้งได้แสดงความรู้สึกนึกคิดนั้นถ่ายทอดออกมาเป็นคำพูด ดังนั้นคงจะเป็น(การทำสิ่งเหล่านั้น)อย่างต่อเนื่องนี่แหละที่สร้าง 15 ปีของโทโฮชินกิขึ้นมา
พวกเขาวิ่งผ่านช่วงวัย 10 ปีอย่างสุดความสามารถ เบ่งบานเสน่ห์ในฐานะชายหนุ่มในช่วงวัย 20 ปี และกำลังเข้าสู่ช่วงวัย 30 ซึ่งความสามารถในฐานะคนคนนึงได้ค่อยๆปรากฏขึ้น พวกเขาพยายามอย่างต่อเนื่องเพื่อเอาชนะสถิติสูงสุดของตัวเองอยู่เสมอ
คอนเสิร์ตในครั้งนี้ตอนที่ชางมินได้แสดงให้เห็นถึงอารมณ์ท่าทางหลากหลายผ่านการเต้น และตอนที่ยุนโฮได้โชว์เสียงร้องสบายหูราวกับเสียงดนตรีนั้นช่างน่าประทับใจ พวกเขารักษาจุดแข็ง “เฉพาะตัวโทโฮชินกิ” อย่างการเต้นที่เต็มไปด้วยแพชชั่นของยุนโฮ กับเสียงสูงของชางมิน และยังเป็นกระจกสะท้อนให้กันและกัน โดยต่างก็เคารพในพรสวรรค์ที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง พร้อมๆไปกับพัฒนา(ตัวเอง)อย่างไม่หยุดยั้ง พวกเขาไม่หยุดที่จะพอใจกับความเก่งกาจที่มี หากแต่น้อมนำเอาความไม่ย่อท้อต่ออุปสรรคมาใช้ท้าทายกับอะไรใหม่ๆ เมื่อชมคอนเสิร์ตของพวกเขาจึงรู้สึกเหมือนว่านี่เป็นงานแสดงความสามารถที่พวกเขาได้สั่งสมมาตลอดช่วงเวลาที่ไม่ได้เจอแฟนๆเลยทีเดียว
ในวันที่ 22 ม.ค.ที่ผ่านมา โทโฮชินกิได้ออกซิงเกิ้ลล่าสุดอย่าง “Manazashi” โดยเพลงผู้ที่แต่งเนื้อร้องและทำนองเพลง “Manazashi” ก็คือคุณ Nakamura Tsukiko ซึ่งได้สร้างสรรค์เนื้อเพลง “Make A Change” และทำนองเพลง “Mirrors” “Mekakushi”
เธอได้เล่าถึงความคิดตอนที่ได้เสนอเพลงว่า “ฉันคิดว่านักร้องนักดนตรีน่ะมีความพิเศษและน่าขอบคุณมากที่สุดเลยค่ะ พวกเขาขึ้นเวทีโดยหวังว่าอยากได้รับความรักเสมอ ตอนที่รู้สึกได้ถึงเพลง “Manazashi” ซึ่งอยู่ใต้แสงสปอร์ตไลท์ ฉันถึงได้เรียนรู้ว่า (จริงๆแล้ว)ไม่ต้องพิเศษก็ได้นี่นา (-ละข้อความ-) ฉันรู้สึกได้ถึงความขอบคุณที่มี และคิดที่จะสานต่อการ “ส่งมอบความรู้สึก” โดยปราศจากความกลัวต่อจากนี้อย่างจริงจังค่ะ ส่วนหนึ่ง(ที่คิดแบบนั้น)ก็มาจากการไปชมคอนเสิร์ตของพวกเขา (=โทโฮชินกิ) พอได้เจอพวกเขาแล้วก็รู้สึกอย่างนั้นขึ้นมามากๆเลยค่ะ”
เพลงเริ่มต้นด้วยเนื้อร้องที่ว่า〈kizuite kureteiru yone〉(=คุณก็รู้สึกอยู่ใช่ไหมล่ะ) ให้ความรู้สึกราวกับกำลังอ่านจดหมายรักที่เขียนให้แฟนๆผู้ก้าวเดินมาด้วยกันตลอด 15 ปี แม้จะเป็นซุปเปอร์สตาร์ที่ทำกิจกรรมมายาวนานจนเรียกได้ว่าเป็นแบบเรียนให้ไอดอล K-POP แต่พวกเขาก็เป็นมนุษย์เหมือนอย่างเราๆ และแม้จะไม่ใช่เรื่องที่ต้องพูดออกมาก็รู้ได้ แต่แน่นอนว่าพวกเขาก็มีจิตใจ (เพลงจึงสื่อว่า)แค่เพียงแฟนคลับรับรู้ถึงความเจ็บปวดที่ต้องเผชิญเงียบๆ พวกเขาก็ดีใจ อบอุ่นหัวใจ และมีแรงฮึ้ดสู้ได้แล้ว
ขณะที่เพลงท่อนที่ร้องว่า 〈mitasu omoi wo ima tsutaeru koto sukoshi kowakutemo kesshite me wo somukenaiyo〉(=ความรู้สึกที่เติมให้เต็มตอนนี้น่ะ ถ้าจะให้พูดออกไป ผมก็กลัวนิดหน่อย แต่ถึงอย่างนั้นผมก็จะไม่หลบตาหนีหรอกนะ) แสดงถึงการยอมรับที่จะก้าวเดินอีกครั้ง ซึ่งเข็มทิศบอกทางนั้นก็คือสายตาของแฟนๆที่เห็นได้จากบนเวทีเสมอนั่นเอง
“เราเรียกสเตจ (Stage) ว่าไลฟ์ (Live) เพราะคำว่า ไลฟ์ มีความหมายตรงตัวใช่มั๊ยล่ะครับ ผมก็อยากจะเป็นแบบนั้นล่ะ อยากถ่ายทอดความเป็นตัวเองให้เห็นทั้งอย่างนั้น ส่วนในด้านความรู้สึกก็อยากจะแสดงให้เห็นถึงตัวเองที่มีชีวิตอยู่เป็นส่วนหนึ่งของไลฟ์ให้ได้เห็นกันครับ”
(ชางมิน)
“ผมอยากพยายามเหมือนที่ทุกคนมีเครื่องหมายคำถามขึ้นมาว่า “โทโฮชินกิต่อจากนี้จะเป็นยังไง?” อยากจะเป็นโทโฮชินกิที่ไม่สามารถคาดเดาได้ในทางที่ดีน่ะครับ”
(ยุนโฮ)
นั่นเป็นข้อความจากบทสัมภาษณ์ตอนอัลบั้มวางขาย เพราะยังไม่พอใจกับการพัฒนาตามที่ผู้คนได้คาดการณ์ไว้ พวกเขาจึงยังคงค้นหาสิ่งที่ตัวเองทำได้ในก้าวต่อไป เพื่อที่จะเป็นตัวเองซึ่งสามารถก้าวข้ามผ่านความคาดหวังได้อยู่เสมอ ดังนั้น “ตอนนี้” ของโทโฮชินกิจึงเป็น “ช่วงที่ดีที่สุด” อยู่เสมอยังไงล่ะ
==============================================================
Comments
Post a Comment