【แปล】 บทสัมภาษณ์ BARKS | โทโฮชินกิ, อัลบั้มฉลองครบรอบ 15 ปี “ที่เหมือนบิบิมบับ”



โทโฮชินกิซึ่งกำลังเข้าสู่ 15 ปีครบรอบการเดบิวต์ญี่ปุ่นได้ออกอัลบั้มใหม่ “XV”

ออริจินอลอัลบั้มลำดับที่ 10 นี้เป็นอัลบั้มหนึ่งที่แสดงถึงการก้าวสู่อนาคตต่อจากนี้ของโทโฮชินกิที่ผ่านจุดเปลี่ยนสำคัญ พวกเขาได้รักษาความเป็นโทโฮชินกิจากประสบการณ์และทักษะที่ได้ฝังลึกมาจนถึงตอนนี้อย่างเหนียวแน่น พร้อมกันกับได้คิดค้นประยุกต์ไอเดียใหม่ๆเพื่อให้ผลงานทั้งหมดได้รับการปรุงแต่งให้แตกต่างไปจากเดิม ทั้งสองคนเปิดเผยถึงงานครั้งนี้ว่า ได้ทำออกมาในอิมเมจแบบไหน มีเมสเสจอะไรที่ให้ลองฟังในเพลงบ้าง เรื่องราวเบื้องหลังการถ่ายทำ MV รวมถึงด้านที่โทโฮชินกิมุ่งหวังต่อจากนี้

==============================================================

■ อยากเป็นโทโฮชินกิที่ไม่สามารถคาดเดาได้ในทางที่ดี

ー“XV” เป็นอัลบั้มออกใหม่ในรอบ 1 ปีหลังจากที่ออก “TOMORROW” อัลบั้มที่แล้วมา ก่อนอื่นอยากให้ช่วยบอกความรู้สึกเกี่ยวกับงานชิ้นนี้หน่อย

YH🍓 เทียบกับ “TOMORROW” ผมคิดว่ามีส่วนที่เนื้อเพลงเป็นไปตามอายุที่เพิ่มขึ้น และแสดงความรู้สึกของผู้ชายมากขึ้นครับ สำหรับวิธีการร้องเพลง(เรา)ได้ผ่อนแรงร้อง แต่ก็ได้ลองชาเล้นจ์วิธีร้องใหม่ตามแต่ละเพลงด้วยครับ อย่างเพลง “Manipulate” ชางมินได้ลองแร็ป และผมก็ร้องคอรัสมากกว่าปกติ แล้วอย่างเพลง “Pay it forward” ก็ได้ลองออกเสียงร้องเป็นแบ็คให้ชางมินด้วย ซึ่งแน่นอนว่าถึงเมนโวคอลจะสำคัญ และเราก็ได้พยายามร้องเพลงด้วยหลากหลายวิธี แต่ก็อยากให้(ทุกคน)ให้ความสนใจกับคอรัสด้วยครับ เพราะโทโฮชินกิก็เป็นคอรัสแดนซ์กรุ๊ปที่ร้องได้แม้แต่อะแคปเปล่า (=ประสานเสียง)

CM🍑 ถ้าเปรียบอัลบั้ม “XV” ในครั้งนี้เป็นอาหารแล้ว ผมคิดว่ามันจะน่าเหมือนบิบิมบับ (=ข้าวยำเกาหลี) นะครับ วัตถุดิบที่ใช้ในบิบิมบับมีทั้งแครอท เนื้อวัว นามุล (=ผักเครื่องเคียงเกาหลี) ซึ่งแต่ละอย่างใช้เวลาและแรงในการเตรียม (อัลบั้มนี้)ก็เหมือนกัน ในครั้งนี้เรานั่งทำเพลงแต่ละเพลงอย่างตั้งใจ ภายนอกอาจจะดูธรรมดา ไม่ใช่อาหารที่ไว้ถ่ายอวดในอินสตาแกรม (หัวเราะ) แต่คิดว่าเป็นรสชาติที่ไม่ว่าใครกินก็รู้สึกอร่อย ผมคิดว่ามันเป็นอัลบั้มแบบนั้นนะ

ーออริจินัลอัลบั้มล่าสุดที่ได้ออกมาหลังกลับมาทำกิจกรรมอีกครั้งอย่าง “TOMORROW” เริ่มด้วยเพลงเบอร์ 1 ซึ่งเป็นเพลงช้าๆ แล้วต่อด้วยเพลงฟังสบายๆ ทำให้รู้สึกว่า “ต่างไปจากโทโฮชินกิที่ผ่านมา” มากเลย แต่อาจเป็นเพราะอัลบั้มนี้เป็นอัลบั้มครบรอบ เลยรู้สึกว่าได้กลับมาสู่จุดเริ่มต้นอีกครั้ง (=กลับมามีกลิ่นอายแบบโทโฮชินกิอีกครั้ง) ให้ความรู้สึกว่าได้รวมสิ่งที่โทโฮชินกิถนัดไว้อย่างสง่างามเลย

CM🍑 โดยส่วนตัวแล้ว ผมคิดว่า ถึงแนวเพลงที่มี(ในอัลบั้ม)จะต่างกัน แต่ความหลากหลายทั้งหมดก็ไม่ได้เปลี่ยนจากเดิมมากนัก พอลองฟังเสียงที่อัดดูแล้ว ก็รู้สึกว่าไม่ได้คิดมากเหมือนเมื่อก่อนที่ว่า “เพลงนี้ร้องโชว์ส่วนนี้ละกัน” “ร้องเสียงอย่างนี้ให้ฟังละกัน” แต่ค่อยๆร้องออกมาอย่างธรรมชาติมากกว่าครับ ไม่มีตรงไหนใน(อัลบั้ม)ครั้งนี้ที่ทำให้รู้สึกว่ากำลังเก๊กเท่อยู่เลย ในทางกลับกันผมคิดว่า พอทำแบบนั้นแล้ว เสียงน่าจะเข้ากับเพลงได้ดี ซึมซับรสชาติเข้าไปในแต่ละเพลงๆ ได้ลึกเลย น่าจะเพราะอย่างนั้นคุณเลยรู้สึกได้ถึงจุดเริ่มต้นน่ะครับ

YH🍓 ตั้งแต่ตอนฟังเดโม่ ผมรู้สึกว่าครั้งนี้มีเพลงที่ดูเป็นโทโฮชินกิเยอะเลย แต่เราได้ประยุกต์บางส่วนซะนิดหน่อยเพื่อที่(ทุกคน)จะได้สนุกกับรูปแบบที่ต่างจากปกติครับ เช่น “Everyday” เป็นเพลงที่มีจังหวะกลางๆเหมือนที่เคยมีมาตลอด แต่ก็ได้ใส่บทพูดช่วงกลางเพลงเพื่อให้เกิดความแตกต่าง ตรงบทพูดนั้นผมเป็นคนออกความคิดเห็นแหละครับ ส่วนตัวแล้วผมชอบเสียงชางมินในเพลง “Hot Sauce” และชอบชางมินในเพลง “Mekakushi” ด้วย คิดว่าน่าจะรู้สึกได้ถึงความแปลกใหม่กับขอบเขตพิทช์เสียงระดับกลางของชางมินครับ

ーการค้นหาความแปลกใหม่ทุกๆครั้งเป็นเรื่องยากเลยสินะ

YH🍓 นั่นก็ใช่ครับ เพราะเดี๋ยวนี้เพลงในเอเชียเริ่มคล้ายกัน สมัยก่อน(เพลง)มีเอกลักษณ์แบบ J-POP, K-POP การแสดงเอกลักษณ์ของประเทศตัวเองมันดีนะ แต่เดี๋ยวนี้มี YouTube และ SNS ที่สามารถฟังเพลงได้ทั่วโลกเลยใช่มั๊ย ถึงจะเป็นเรื่องดี แต่ในอีกด้านนึงผมคิดว่านั่นทำให้เอกลักษณ์ค่อยๆหายไปครับ

ーหมายถึงดนตรีกลายเป็นแบบเดียวกันใช่ไหม?
YH🍓 ครับ เพราะเป็นยุคที่มีอะไรหลายอย่างผสมกัน เพราะอย่างนั้นในครั้งนี้ผมเลยคิดว่า เราต้องรักษาจุดแข็งที่มีแค่โทโฮชินกิมีไว้ให้ได้ ก่อนอื่นเราจึงควรรักษาจุดนั้นไว้ แล้วถึงค่อยเริ่มทำอะไรใหม่ๆ นอกจากนั้นแล้วในครั้งนี้ผมก็ได้คิดเรื่องทัวร์คอนเสิร์ตด้วยครับ ช่วงแรกอยากเริ่มต้นด้วยสิ่งที่ดูเป็นโทโฮชินกิเหมือนที่ผ่านมาก่อน พอถึงช่วงกลาง(คอนเสิร์ต)ก็เป็นเพลง “Master” ที่มีเอกลักษณ์ J-POP ค่อนข้างแรง และหลังจากนั้นก็เป็นเพลง “Crimson Saga” ซึ่งมีแค่โทโฮชินกิเท่านั้นที่ทำได้ และทำให้ได้แสดงด้านใหม่ๆของโทโฮชินกิไปพร้อมกันด้วย (ผม/เรา)ได้ทำ(คอนเสิร์ต)โดยคำนึงถึงลำดับเพลงอย่างละเอียด เพื่อให้สามารถเห็นถึงแนวเพลงที่หลากหลายในทัวร์คอนเสิร์ตได้อย่างมีประสิทธิภาพครับ

ーอัลบั้มในครั้งนี้มีเพลงไหนที่อยากให้เพลิดเพลินกับความหมายเนื้อเพลงบ้างไหม?
YH🍓 “Pay it forwards” ครับ ผมร้อง(เพลงนี้)ด้วยความคิดที่ว่า การเคลื่อนตัว(=การออกแรงสนับสนุน) ของทุกคนคือเส้นทางของผมครับ มันเป็นเนื้อเพลงแบบที่มักจะร้องในช่วงท้ายคอนเสิร์ตว่า ไม่ว่าทางสายนั้นจะเป็นยังไง แต่เราจะเดินไปด้วยกัน จริงๆเพลงที่มีเนื้อแบบนั้นน่ะโทโฮชินกิเคยมีก่อนหน้านี้แล้ว แต่รู้สึกว่าไม่ได้มีเพลงที่จังหวะฟังได้สบายหน่อยมานานแล้ว เนื้อเพลงก็ดี บรรยากาศเพลงก็ดี ผมเลยคิดว่าถ้าเอามาร้องในคอนเสิร์ต น่าจะเป็นเพลงที่สร้างความประทับใจได้ครับ

ーคำว่า “Pay it forwards” มีความหมายว่าส่งต่อบุญคุณที่ได้รับจากใครซักคนต่อไปให้คนอื่น ไม่ใช่การตอบแทนบุญคุณกัน แต่เป็นการส่งต่อ

YH🍓 คิดว่าศิลปินทำแบบนั้นตลอดเลยครับ (เรา)ถ่ายทอดความรักและบุญคุณที่ได้รับจากทุกคนไปให้คนอื่นในครั้งต่อไป แล้วทั้งผมกับชางมินเราได้ทำงานอาสาสมัครกันมาตั้งแต่เมื่อก่อน ไม่ได้จะพูดอวดหรืออะไรนะครับ แต่ผมคิดว่าความหมายของการส่งของที่ได้จากทุกคนต่อไปยังคนอื่นก็เป็นหัวใจที่แสดงถึง Pay it forward อย่างหนึ่งครับ

ーแล้วในอัลบั้มนี้มีเพลงไหนหวานเป็นพิเศษบ้าง?

CM🍑 “Everyday” ครับ คิดว่าเพลงนี้หวานที่สุดในอัลบั้มเลย ตอนสมัยเด็กๆ ผมมักจะชอบเพลงที่ดูแข็งแรง มีสีสัน แล้วมีจุดให้โชว์เสียงสูงครับ แต่เพลงนี้น่ะจริงๆแล้ว ไม่มีจุดไหนเลยที่แสดงให้เห็นว่า “ไฮไลท์ที่โชว์ได้ของตัวเองอยู่นี่นะ” ยังไงก็ตามมันเป็นเพลงที่ทำให้รู้สึกว่าทั้งบรรยากาศ รวมถึงเนื้อหาเพลงฟังได้อย่างรีแลกซ์ ฟังได้สบายๆ โดยส่วนตัวแล้วในครั้งนี้ค่อนข้างชอบเพลงนี้เลยครับ

ーมีเรื่องน่าประทับใจอะไรระหว่างการถ่ายทำ “Hot Sauce” MV ตัวใหม่ล่าสุดของอัลบั้มนี้บ้าง?

CM🍑 (ประทับใจที่)ใช้แขนกล*ในการถ่ายทำครับ ใช้คอมพิวเตอร์สั่งการการเคลื่อนตัวของกล้อง หุ่นยนต์จะเคลื่อนที่ไปถ่ายทำตามตำแหน่งที่ได้รับคำสั่ง ถึงอยู่ดีๆจะสั่งให้ถ่ายแบบสโลว์โมชั่นก็สามารถถ่ายได้อย่างราบรื่นเลยครับ ภาพแบบนั้นน่ะเคยเห็นตามหนัง ไม่ค่อยเห็นตาม MV ศิลปิน อย่างโทโฮชินกิเองก็เพิ่งเคยถ่ายแบบนี้เป็นครั้งแรก เลยรู้สึกว่าน่าสนใจดีครับ คิดว่าในอนาคตเราอาจไม่ใช้มนุษย์ถ่ายวิดีโอ แต่กลายเป็นยุคที่ใช้หุ่นยนต์ถ่ายแทนก็เป็นได้ รู้สึกได้ถึงความก้าวหน้าของยุคสมัยเลยครับ
(*Robot Arm: แขนหุ่นยนต์ที่มีข้อต่อที่มีต้นกำลังขับเคลื่อนต่อกันไปเรื่อยๆ)

YH🍓 แล้วเพลง “Hot Sauce” ก็เป็นเพลงญี่ปุ่นที่ใช้สต๊าฟเกาหลีถ่ายทำหลังจากไม่ได้ทำแบบนั้นมานานครับ น่าจะตั้งแต่ “Android” ละมั้ง ใช้วิธีถ่ายทั้งแบบแบ่งคัท และมีฉากวันซีนเหมือนโฆษณา เลยรู้สึกว่าเป็นอีกอย่างที่แปลกใหม่ดีครับ

ーจุดที่อยากให้จับตามองใน MV “Guilty” คืออะไร?

CM🍑 ซีนที่เต้น Dance Break ครับ เราเต้นกันอย่างแรงให้ละอองน้ำกระเด็นหน้าฉากสีดำล่ะ ผมคิดว่าฉากแบบนี้เป็นภาพเคลื่อนไหวที่โทโฮชินกิไม่เคยมีมาก่อน ซีนนั้นมันสวยมากๆ ที่ผ่านมาตอนดูซีนแบบนั้นในวิดีโอศิลปินท่านอื่น ผมเคยคิดว่า เขาถ่ายกันยังไงนะ? พอตัวเองได้ลองถ่ายบ้าง ถึงได้รู้ว่า “เอ๊ะ แบบนี้เองหรอ?” เป็นการถ่ายที่ธรรมดากว่าที่คิด แต่ก็ทำให้ตกใจว่า “นี่มันทำให้เท่ขึ้นได้ขนาดนี้เลยนะ” ครับ

YH🍓 เพลง “Guilty” ได้คนคิดท่าเต้นท่านเดียวกับเพลง “Dirt” และ “Trigger” (คุณโกโต้ เคทาโร่) มาช่วยรับผิดชอบ(ท่าเต้น)ครับ คิดว่าโดยภาพรวมน่าจะทำรู้สึกได้ถึงความแข็งแกร่งของโทโฮชินกิ แล้วก็มีฉากที่ผมโดนน้ำจนเสียทรงที่น่าจะทำให้รู้สึกได้ถึงความมาดแมนจากตรงนั้นครับ

ーเดือน เม.ย.ปีนี้ได้เดบิวต์ที่ญี่ปุ่นครบรอบ 15 ปีแล้ว ถ้าให้เปรียบเทียบ 15 ปีกับอะไรซักอย่าง มันเป็นช่วงเวลาแบบไหนหรอ?

YH🍓 เป็น 15 ปีที่“Dreams come true”ครับ เพราะทุกครั้งผมจะตั้งความฝันแล้วมุ่งหน้าเข้าหามันครับ จากนิฮงบุโดคัง เป็นอารีน่า ต่อไปเป็นโดม ต่อไปเป็นนิสสันสเตเดียม……และต่อจากนี้ก็(มีความฝันว่า)อยากจะส่งผ่านเสียงดนตรีของพวกผมไปยังผู้คนจำนวนมากขึ้นครับ ผมรู้สึกขอบคุณมากจริงๆ เพราะมันเกิดขึ้นมาได้จากแรงสนับสนุนแฟนๆ ทุกคน และเพราะเป็น 15 ปีที่พวกผมได้ให้สัญญากับแฟนทุกคนว่าจะทำฝันให้เป็นจริง ก็เลยคิดว่าเป็น(ช่วงเวลาที่) “Dreams come true”ครับ

CM🍑 ถ้าเปรียบกับเบสบอลแล้ว ความเร็วแรกตอนที่พิชเชอร์ขว้างบอล กับความเร็วตอนแคชเชอร์รับลูกมันต่างกันใช่มั๊ยครับ ผมคิดว่ามันเหมือนกับเวลาบอกว่าตอนนี้ “ขว้างลูกไปแล้วนะ!” และลูกบอลได้หลุดออกจากมือพิชเชอร์ ต่อจากนี้สปีชอาจช้าลงต่างไปจากที่เคยเป็นมา แต่คิดว่ามันจะเป็นอีกก้าวที่เราเดินหน้าอย่างจริงใจเพื่อไปหาบอลเป้าหมายที่แคชเชอร์ตั้งรับอยู่ครับ

ーสุดท้ายนี้ช่วยพูดถึงธีมแบบตัวเองที่ทัวร์ 5 โดมใหญ่<東方神起 LIVE TOUR 2019 ~XV~>หน่อย

CM🍑 ผู้คนเรียกสเตจ (คอนเสิร์ต) ว่าไลฟ์ ซึ่งคำว่าไลฟ์ก็มีความหมายตรงตัวเลยว่าเป็นตามแบบที่เป็นอยู่ใช่ไหมล่ะครับ ผมก็อยากเป็นแบบนั้น อยากจะถ่ายทอดความเป็นตัวเองให้ได้ฟังกันสดๆ ส่วนด้านความรู้สึกก็อยากแสดงให้เห็นถึงตัวเองที่มีชีวิตเป็นส่วนหนึ่งของไลฟ์ครับ

YH🍓 ผมอยากพยายามเพื่อให้ทุกคนเกิดเครื่องหมาย question mark กันว่าโทโฮชินกิต่อจากนี้จะเป็นยังไง? นั่นเป็นสิ่งที่ผมเองต้องคิดต่อไปล่ะครับ

ーพ้อยต์อยู่ที่เครื่องหมาย question mask (?) แทนที่จะเป็นเครื่องหมายอัศเจรีย์ (!) เช่นว่า “โอ้โห สุดยอดไปเลย!” แบบนั้นหรอ

YH🍓 ใช่แล้ว ไม่ใช่เครื่องหมายอัศเจรีย์ครับ ทัวร์คอนเสิร์ตครั้งนี้เป็นการฉลองครบรอบ 15 ปี เลยเหมือนได้กลับไปเริ่มต้นใหม่ แล้วควบแน่นโทโฮชินกิที่มีมาจนถึงตอนนี้สักครั้ง จะโชว์หัวใจของช่วงเวลา 15 ปี แล้วต่อจากนี้ก็จะกลับไปชาเล้นจ์สิ่งใหม่ๆ แต่ถ้าไม่โชว์เรื่องในอนาคตก็คงไม่ได้ ผมเลยเลือกเครื่องหมายอัศเจรีย์(ที่มีความหมาย)ว่า “หลังจากนี้จะเป็นยังไงต่อไป” อยากเป็นโทโฮชินกิที่ไม่สามารถคาดเดาได้ในความหมายที่ดีครับ

✍ JP→TH: berurin32

==============================================================

Comments

Popular posts from this blog

【แปลเพลง+Behind the story】 TOHOSHINKI / Asu wa kuru kara

【How to】 เตรียมตัวสอบ MEXT ✍ :: ตอนที่ 1

【How to】 เตรียมตัวสอบ MEXT ✍ :: ตอนที่ 3