【แปล】 บทสัมภาษณ์ชางมิน นิตยสาร GRAZIA เกาหลี 08/2019 🍑
สวัสดีค่ะ ห่างหายไปจากบล็อกนี้ไปนานพอสมควรเลย
ตอนนี้อะไรหลายๆอย่างเข้าที่เข้าทางแล้ว
หวังว่าต่อจากนี้จะได้เข้ามาเขียนบันทึกเก็บเป็นความทรงจำหรือแบ่งปันเรื่องราวได้บ่อยขึ้นนะคะ :-)
ครั้งนี้กลับมาพร้อมกับบทสัมภาษณ์ของเชวกัง ชางมิน แห่ง TVXQ
จากนิตยสาร GRAZIA เกาหลี ฉบับเดือนสิงหาคม 2019 ค่ะ
ฉบับนี้ศิลปินและทีมงานนิตยสารได้มาถ่ายทำ และสัมภาษณ์กันที่รีสอร์ทจังหวัดภูเก็ตค่ะ
รูปในนิตยสารให้มู้ดของการพักผ่อนในวันหยุดฤดูร้อน และคำตอบของคุณชางมินก็แสดงถึง
ความคิดที่น่าประทับใจจนอยากให้ทุกคนได้อ่าน และได้รับพลังบวกกันไปเยอะๆเลยค่ะ
ขอให้มีความสุขกับการอ่านนะคะ 📚
ต้นฉบับภาษาญี่ปุ่น 🄫 http://tvxqdrip.com/multimedia/81224
-----------------------------------------------
August Diary
ช่วงเวลาหน้าร้อนของชางมินผู้เงียบสงบราวกับคลื่นลึกสีน้ำเงิน
Q: มาภูเก็ตเป็นครั้งแรกใช่ไหมคะ เป็นอย่างไรบ้างคะ
A: (ตอนแรก)ผมกังวลเพราะก่อนมาได้ยินว่าภูเก็ตกำลังอยู่ในช่วงฤดูฝน แต่โชคดีมากเลยครับ ตอนที่มาแทนที่จะมีฝน กลับกลายเป็นว่าอากาศดีมากๆเลย แต่ก่อนผมเคยไปบาหลีมาเหมือนกัน แต่ที่นี่มีความสงบที่แตกต่างไปจากบาหลีน่ะครับ เมื่อไม่นานมานี้ ผมมีเรื่องส่วนตัวให้คิดเยอะ ใจก็ค่อนข้างว้าวุ่น พอได้มาสนุกกับการมองท้องฟ้าที่สวยงามโดยปล่อยใจไม่ต้องคิดอะไรแล้วก็รู้สึกสนุกมากเลยครับ อาหารก็อร่อยสุดๆไปเลย (หัวเราะ)
Q: เมื่อเร็วๆมานี้ คุณได้ไปถ่ายทำรายการที่นิวยอร์กมา แล้วยังเคยไปยุโรปด้วย คุณชางมินคิดว่าเสน่ห์ของการท่องเที่ยวคืออะไรหรอคะ
A: มีบทความหนึ่งในหนังสือความเรียง (essay) ของคุณคิม ยองฮากล่าวถึงเรื่อง “บ้าน” ครับ มันก็ถูกที่ว่า บ้านเป็นที่ที่ทำให้รู้สึกถึงความสงบมากที่สุด และที่ที่เป็นเหมือนรังนอน แต่ก็มีเนื้อหาส่วนที่พูดว่า ในบรรดาความรู้สึกต่างๆที่เกิดขึ้นที่บ้าน ก็ใช่ว่าจะมีแต่ความสงบใจเพียงอย่างเดียว บางคนอยู่บ้านแล้วรู้สึกซึม รู้สึกเศร้าก็มี และบ่อยครั้งก็รู้สึกได้ถึง “ตัวเอง” ที่เหนื่อยล้าได้ชัดๆเลย ผมคิดว่า การท่องเที่ยวเป็นเหมือนสิ่งที่ช่วยปลดปล่อยตัวผมจากอารมณ์ด้านลบเหล่านั้นชั่วขณะหนึ่ง การที่ได้ถอยห่างจากสิ่งที่คุ้นชินก้าวนึง มาใช้เวลาที่ต่างจากเดิมในโลกที่แตกต่างโดยสิ้นเชิงเป็นเสน่ห์ของการท่องเที่ยวครับ การที่สภาพแวดล้อมต่างออกไป การได้กินอาหารที่ไม่เคยกิน ได้พบกับประสบการณ์ใหม่ๆแล้วตื่นเต้นไปกับมัน ได้รับแรงบันดาลใจใหม่ๆเกี่ยวกับการใช้ชีวิต...
Q: คุณชอบทำอาหารด้วยนี่คะ ฉันได้ดู SNS ของคุณเมื่อเร็วๆนี้ คุณจัดวางจานสวยมากจนฉันตกใจเลยค่ะ เริ่มทำอาหารเป็นงานอดิเรกตั้งแต่เมื่อไรหรอคะ
A: ผมทำงานมาเกือบ 16 ปีแล้ว ระหว่างนั้นก็ได้ค้นหาเหตุผลของการมีชีวิตของตัวเองจากบนเวทีไปด้วยครับ ผมคิดว่าเหตุผลหลักในการมีชีวิตของผมคือ แฟนๆซึ่งมองดูผมร้องเต้น คลั่งไคล้แล้วก็มีความสุขไปกับมัน แม้กระทั่งตอนนี้ผมก็ทำงานนี้ โดยรู้สึกถึงคุณค่าของงาน และก็รู้สึกขอบคุณความรักอันยิ่งใหญ่ที่(ทุกคน)ได้ให้มาครับ ในอีกมุมหนึ่ง “การทำอาหาร” ก็มีคุณค่าในแง่ชีวิตส่วนตัวซึ่งต่างไปจากบนเวทีสักนิดนึง มันต่างไปจากความสุขที่ยิ่งใหญ่ซึ่งรับรู้ได้จากบนเวทีโดยสิ้นเชิงเลย การทำอาหารทำให้ผมรู้สึกถึงความพอใจเล็กๆกับตัวเองตอนที่ทำอาหารออกมาดี ทำให้คิดว่าจะทำยังไงให้อร่อยขึ้น หรือเราสามารถจัดวางอาหารให้สวยกว่านี้ได้ไหมนะ และระหว่างที่ลองดัดแปลง (การทำอาหาร)ก็ช่วยสอนว่า “ทำแบบนี้ก็สนุกดีนี่นา” มีครั้งนึงที่พ่อกับแม่ผมไปเที่ยวต่างประเทศราวๆ 10 วันครับ ในฐานะที่เป็นโอปป้า (พี่ชาย) ผมเลยได้ทำอาหารให้น้องสาวทานครับ น้องๆทานกันอย่างอร่อยมากๆเลย ผมไม่ได้หลอกตัวเองหรอกครับ นี่เรื่องจริงเลย (หัวเราะ) พอทานเสร็จ น้องๆก็บอกว่า ขอบคุณสำหรับอาหารมื้อนี้นะคะ อร่อยดีนะ นั่นทำให้ผมรู้สึกว่า นี่ก็เป็นอีกทางหนึ่งที่ใช้วัดคุณค่าในการมีชีวิตอยู่ของตัวเองได้ คนเราน่ะพอได้รับคำชมก็จะทำได้ดีขึ้นเรื่อยๆใช่ไหมครับ ฮ่าๆ รู้สึกตื้นตันใจจริงๆเลยล่ะครับ
Q: พอเริ่มสนใจทำอาหารแล้วก็กลายเป็นว่าสนใจเรื่องถ้วยชามกับการแต่งจานไปในตัวเลยใช่ไหมคะ
A: อะ ใช่ครับ ตอนที่แยกตัวออกมาอยู่คนเดียวครั้งแรก แม่เป็นคนช่วยเตรียมพวกภาชนะกับของใช้พื้นฐานต่างๆ (ตอนนั้น)ผมแค่ตักกับข้าวใส่ภาชนะกินโดยไม่ได้คิดอะไร แต่เมื่อไม่นานมานี้ ตอนที่ทำอาหารอย่างคาเปรเซ่*ง่ายๆ ผมก็เริ่มรู้สึกว่า “ถ้าได้จัดใส่ภาชนะที่น่ารักกว่านี้ มันน่าจะดูดีขึ้นนะ” นี่ถือว่าเป็นความต้องการของที่จำเป็นไหมครับ ฮ่าๆ เร็วๆมานี้ผมมักจะมองหาพวกถ้วยชาม แต่ก็ยังไม่ได้ซื้ออะไรมากมายเลยครับ คิดว่าแม่น่าจะเหงามืออยู่ (หัวเราะ) ก็เลยกำลังซื้อสะสมไปทีละนิดน่ะครับ
![]() |
*คาเปรเซ่ (บ้างก็เรียกคาเปร์เซ่ สลัด / Caprese Salad) เป็นอาหารอิตาเลียน เป็นเมนูจำพวกกับแกล้มที่ฝานมะเขือเทศ
และมอซซาเรล่าชีสสดเป็นแผ่นๆ แล้วโรยหน้าด้วยใบโหระพาค่ะ (ขอบคุณรูปภาพจาก foodnetwork) |
Q: คุณได้พกหนังสือมาภูเก็ตด้วยนี่คะ ดูเหมือนคุณจะสนุกกับการอ่านหนังสือในเวลาว่างเลยนะคะ ปกติแล้วชอบอ่านหนังสือแนวไหนหรอคะ
A: จริงๆแล้ว ผมไม่ค่อยอ่านนิยายสักเท่าไร จะอ่านหนังสือแนวมนุษยศาสตร์หรือพวกความเรียง (essay) เป็นส่วนใหญ่น่ะครับ นั่นก็เป็นเพราะว่าผมอยากจะมีชีวิตอยู่โดยโฟกัสกับตัวเอง แต่ในยุคสมัยนี้มีข้อมูลมากมายหลั่งไหลจากสมาร์ทโฟน ความเปลี่ยนแปลงก็เกิดขึ้นไวด้วย ผมเลยต้องเตรียมพร้อมรับมือกับการเข้าไปเกี่ยวพันกับสิ่งพวกนั้น บางทีที่ตัวผมเองสั่นคลอนหรือลังเลเพราะเรื่องเล็กน้อย ผมจะมองลึกเข้าเพื่อดูวิธีการดำเนินชีวิตของใครสักคน และบางทีก็อ่านหนังสือที่ค้นหาถึงความเป็นมนุษย์ แล้วหัวใจก็จะสามารถโฟกัสได้เองครับ เรียกได้ว่าเป็นการปลอบประโลมหัวใจตัวเองน่ะครับ (หัวเราะ)
Q: คุณยังเขียนไดอารีอีกด้วย เคยคิดอยากจะเก็บเรื่องราวของตัวเองเป็นหนังสือไหมคะ
A: จริงๆแล้วก็เคยคิดนะครับ (ตอนนั้น)รู้สึกว่าน่าจะน่าสนใจดี ผมคิดว่าถ้าออกหนังสือรวมเรื่องราวการเดินทางที่เขียนถึงความรู้สึกหรือประสบการณ์ตอนที่ผมไปเที่ยวแล้วละก็ ผู้อ่านน่าจะเปิดใจอ่านได้ง่ายกว่างานเขียนประเภทอื่นครับ ไดอารีนี่ไม่ได้เขียนทุกวันหรอกครับ ก็ตั้งใจว่าจะจดบันทึกให้ได้มากที่สุดเท่าที่พอจะทำได้ครับ ตอนที่เขียนตอนนั้นอาจจะเขียนจากความรู้สึก แต่พอกลับมาอ่านตอนหลังก็รู้สึกเป็นกลางมากขึ้นครับ เพราะฉะนั้นพวกไดอารีที่เขียนในอดีตก็เลยจะอยู่บนพื้นฐานของความจริงมากเลยครับ (หัวเราะ)
Q: ช่วยเล่าเรื่องไดอารีที่พอจะนึกออกตอนนี้ให้ฟังสักเรื่องได้ไหมคะ
A: อ่า ถึงจะไม่ใช่อย่างนั้น แต่เมื่อกี้ที่ผมค่อยๆแอบไว้ก่อนจะเริ่มสัมภาษณ์ก็คือ สมุดไดอารีครับ ถึงจะโชว์ให้ดูไม่ได้ แต่ก็มีเรื่องหนึ่งในไดอารีที่ย้อนกลับมาอ่านทีหลังบ่อยๆครับ ทุกครั้งที่ขึ้นคอนเสิร์ต ผมจะต้องพูดความรู้สึกขอบคุณเสมอเลย ตอนนั้นถึงแม้ความรู้สึกจะออกมาจากใจจริง แต่ก็เป็นเรื่องยากที่จะถ่ายทอดความยิ่งใหญ่ของคำพูดพวกนั้นออกมาที่นั่นให้ได้หมด ภาพผู้คนที่เต็มไปด้วยความหวัง นั่งรถไฟมา รอคอย(คอนเสิร์ต)ก่อนเวลาเข้าชมนานแสนนาน แล้วจึงเข้าไปชม(คอนเสิร์ต) ภาพผู้คนที่รวมใจเป็นหนึ่งเดียวในบรรยากาศเดียวกันและสนุกสนานไปกับการแสดง พอเขียนโดยจินตนาการถึงสิ่งเหล่านี้แล้ว ก็รู้สึกถึงความขอบคุณที่ใหญ่ขึ้นเรื่อยๆเลยล่ะครับ เพราะฉะนั้นแล้ว โดยส่วนตัวผมเลยชอบไดอารีแนวนี้มากเลยครับ
Q: ฉันสงสัยว่า คุณชางมินในวัย 30 ช่วงต้นพูดคุยกับคนรอบตัวอย่างไร สิ่งที่คุณคิดตอนอยู่คนเดียวต่างไปจากเรื่องที่แลกเปลี่ยนเวลาพูดคุย(กับคนอื่น)ใช่ไหมคะ
A: จริงๆแล้วผมมีช่วงที่ไม่ค่อยได้เจอกับเพื่อนด้วยครับ มีช่วงที่รู้สึกว่าไม่ค่อยมีสิ่งที่ทำให้รู้สึกร่วมกัน แต่เพื่อนนี่นะครับ เขาสนุกครึ้นเครงไปกับความทรงจำช่วงที่จำความไม่ได้เหมือนเป็นกับแกล้มเหล้าเลย บางทีก็เป็นเรื่องกลุ้มใจของอีกฝ่าย และถึงมีวิธีการใช้ชีวิตที่ต่างกัน แต่แค่พูดถึงเรื่องการมีชีวิตอยู่ก็ทำให้สบายใจได้แล้วละครับ เรื่องที่แต่ละคนเล่าก็แตกต่างกันไป เรื่องไร้สาระก็เยอะครับ (หัวเราะ) แต่ถึงอย่างนั้นช่วงนี้ก็รู้สึกสบายใจกับเรื่องพวกนี้มากๆเลยล่ะครับ
Q: ยิ่งพูดก็ยิ่งรู้สึกว่าคุณเข้มงวดกับตัวเอง แล้วยังมีนิสัยใช้ความคิดคิดอะไรมากมายด้วย ตัวคุณเองก็คิดแบบนั้นเหมือนกันไหมคะ
A: ฮ่าๆ ผมเติบโตมาโดยถูกสอนมาแต่เด็กว่า ไม่ว่ายังไงก็ต้องถ่อมตัว รักษาคุณค่าในตัวเอง และควบคุมตัวเอง อ่า แน่นอนว่านั่นไม่ได้หมายความว่าผมโทษพ่อแม่หรอกนะครับ (หัวเราะ) นั่นไม่ใช่นิสัยที่แสดงออกมาให้เห็น และก็ไม่ใช่เรื่องที่ทำให้รู้สึกว่าเราเนี่ยเจ๋งจังเลยหรอกนะครับ ยิ่งเวลาเพิ่มมากขึ้นก็พบว่า มีคนมากมายที่นิสัยดีกว่า แถมยังเก่งกว่าผมอีก ตอนนั้นพอลองคิดว่า “ผมเป็นคนสำคัญขนาดไม่มีคนอื่นมาทดแทนได้เลยรึเปล่า” ก็รู้สึกว่าไม่นะครับ เพราะฉะนั้นผมเลยคิดว่า ถึงเวลาจะผ่านไป ผมก็ควรหันหน้ามาเรียนรู้ พร้อมๆกับพัฒนา(ตัวเอง)ไปเรื่อยๆ เพราะอย่างนั้นเลยคิดว่า ต้องคิดให้มาก และพยายามที่จะเป็นคนที่ถ่อมตัวให้ได้ เพราะถ้าใจลอยแล้วละก็ต้องแย่แน่ๆเลย
Q: ช่วงนี้คุณได้เรียนรู้เรื่องอะไร เพื่อป้องกันการเกิดเรื่องแย่ๆ (?) บ้างไหมคะ
A: จริงๆแล้วแต่ก่อนผมเคยมองพวกเด็กรุ่นๆที่เด็กกว่าผมไม่กี่ปี แล้วก็คิดว่า “โห เก่งกันขนาดนี้เลยนะเนี่ย” แต่ช่วงนี้ก็เริ่มคิดว่า คนอายุ 10 กว่าๆเนี่ยมักจะอยู่เมเจอร์ของสาขาที่ถนัด อย่าง Billie Eilish* ก็เหมือนกันครับ (เห็นแล้ว)ทำให้คิดว่าเขาเติบโตขึ้นมาโดยได้รับแรงกระตุ้นจากสภาพแวดล้อมแบบไหน ได้รับอิทธิพลจากคนรอบข้างแบบไหนเลย เพราะฉะนั้นผมเลยคิดว่าการใช้ SNS ลองเสิร์ซอิโมติคอนที่คนเหล่านั้นใช้กัน หรือบางทีก็ลองเสิร์ซพวกคำสแลงดูด้วยละครับ ฮ่าๆ ผมเองก็ต้องขอตามกระแสด้วยเหมือนกัน!
Q: ทงบังชินกิได้ลดระดับความลึกลับที่มีมาถึงทุกวันนี้ และช่วงนี้ก็ได้เปิดเผยตัวตนผ่านการออกรายการวาไรตี้บ่อยๆนะคะ น่าจะมีอะไรเป็นแรงบันดาลใจที่ทำให้คุณอยากคุ้นเคยกับคนหมู่มากใช่ไหมคะ
A: ทั้งตัวผม และพี่ยุนโฮก็รู้สึกว่าเราควรจะเปิดเผยตัวเองให้มากขึ้นครับ ยุคสมัยได้เปลี่ยนไปแล้ว เมื่อก่อนอาจจะตรงข้ามกับตอนนี้ตรงที่เราอาจดึงดูดคนผ่านความลึกลับได้ แต่คนเราก็มักสงสัยในสิ่งที่ถูกซ่อนไว้ใช่ไหมละครับ ตอนนี้ถ้าเราไม่ป้อนคอนเทนต์ต่างๆ ผู้คนก็อาจหนีไปหาสิ่งใหม่ๆได้ทันที (ตอนนี้)พอสามารถเข้าใกล้สิ่งที่เป็นความสนใจของคนได้ พวกผมเลยเสียดายว่า เราน่าจะเปิดเผยหลากหลายด้านมุมของตัวเองให้เร็วกว่านี้ ตอนนี้ผมคิดว่ามันดีแล้วที่เราได้โชว์(ด้านเหล่านั้น)ออกไปครับ พวกผมต้องพยายามเพื่อที่จะได้เป็นที่รักให้มากกว่านี้ครับ
Q: ช่วยแนะนำสิ่งที่น่าติดตามจากการรายการ <ปัญญาแห่งอาหาร (양식의양식)> ช่อง JTBC หน่อยค่ะ
A: เพราะได้ถ่ายทำกับผู้เชี่ยวชาญจากหลากหลายสาขาหลายท่าน ผมเลยได้เรียนรู้หลายเรื่องมากจริงๆครับ ช่วงนี้ผมศึกษาข้อมูลจากการเสิร์ซทางเว็บไซต์ แต่ด้วยข้อมูลที่มีมากมาย เราเลยไม่ค่อยมีโอกาสได้พบกับข้อมูลนั้นจังๆ ผมคิดว่านี่เป็นแนวโน้มหนึ่งของยุคสมัยนี้ครับ อย่างไรก็ตาม ในรายการ <ปัญญาแห่งอาหาร (양식의양식)> ท่านทั้งหลายที่ได้ร่วมถ่ายรายการด้วยกันได้สอนผมมากมายในทุกแง่มุม ไม่ว่าจะเป็นด้านวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์ หรือด้านการทำอาหาร ผมเลยรู้สึกสนุกมากเลยครับ อย่างเวลาเราซื้อรองเท้าเนี่ย ถึงเราจะใส่ใจกับเรื่องต่างๆ เช่น เรื่อง Name Value ของแบรนด์ เรื่องราคา หรือเรื่องดีไซน์ก็ตาม แต่ก็จะมีสิ่งที่ซ่อนอยู่เกี่ยวกับแบรนด์ครับ อย่างพวกเรื่องมรดกเนี่ย จริงๆผมก็ไม่ค่อยทราบหรอกนะครับ ผมเลยคิดว่าถึงแม้จะเป็นเรื่องที่หลากหลาย แต่การได้รู้ความรู้ที่มีประโยชน์นี่แหละเป็นสเน่ห์ของรายการนี้ครับ นอกจากนี้แล้ว นิสัยของผู้ร่วมรายการที่ค่อยๆเปิดเผยออกมา ในระหว่างการท่องเที่ยวก็น่าติดตามเช่นกันครับ (หัวเราะ)
Q: มีรายการวาไรตี้ไหนที่อยากลองไปออกไหมคะ
A: อ่า ผม(ดู)รายการ <เคล็ดลับอาหารสุดยอด (최고의 요리비결)> ช่อง EBS (ช่องการศึกษา) บ่อยๆเลยครับ (หัวเราะ) ผมเคยไปถามพี่ทึกกี้เล่นๆว่า เมื่อไรพี่จะเลิกทำรายการนั้นหรอครับ พี่เขาก็ตอบว่า “พี่จะทำรายการนี้ไปตลอดชีวิตเลยล่ะ ชอบ(รายการนี้)สุดๆไปเลย” ล่ะครับ ฮ่าๆ
Q: คุณคงจะพยายามกับช่วงครึ่งปีหลังด้วยเหมือนกันใช่ไหมคะ มีแพลนจะทำอะไรบ้างหรอคะ
A: ต่อจากนี้ก็จะยุ่งกับคอนเสิร์ต และการโปรโมตที่ต่างประเทศจนหัวหมุนเลยครับ แล้วผมก็ตั้งใจว่าจะพยายามใช้เวลากับครอบครัวให้มากขึ้น ก็กำลังคิดอยู่ว่า ช่วงวันหยุดจะไปไหนกับครอบครัวดีไหม หรือจะไปที่ไหนดีน่ะครับ
เครดิตรูปภาพและวิดีโอ: graziakorea
==============================================================
==============================================================
✍ Cr. KR→JP: tvxqdrip // JP→TH: berurin32
Comments
Post a Comment